ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1. เกี่ยวกับ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด
บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (“บริษัทฯ” หรือ “True IDC”) ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกาศฯ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เจ้าของข้อมูลเข้าใจถึงแนวทางของบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศฉบับนี้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
สถานที่ติดต่อ : :บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด
18 อาคารทรูทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
ช่องทางการติดต่อ : อีเมล [email protected] และ Call Center 0 2494 8300
เมื่อได้รับคำถามหรือข้อกังวลของท่าน บริษัทฯ จะติดต่อท่านภายในเวลาอันสมควรเพื่อตอบคำถามหรือข้อกังวลของท่าน
2. ข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไร
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมและไม่รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้)
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ (เช่น หมู่เลือด ประวัติสุขภาพ เป็นต้น) ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ข้อมูลสแกนใบหน้าเป็นต้น)
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวม
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ การดำเนินงานด้านธุรการ หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบริษัทฯ ตามที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะเท่าที่จำเป็นและมีความสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม
ประเภท | ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล |
ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตน | ชื่อ-นามสกุล อายุ วัน เดือน ปีเกิด เพศ ส่วนสูง สัญชาติ รูปถ่ายหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง รหัสประจำตัว การศึกษา ประวัติการทำงาน ลายมือชื่อ หมายเลขทะเบียนรถ |
ข้อมูลติดต่อ | ที่อยู่ ที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ช่องทางติดต่อผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ |
ข้อมูลการใช้บริการ | ข้อมูลอุปกรณ์ที่ท่านใช้สำหรับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลการติดต่อและสื่อสารระหว่างท่านและผู้ใช้งานรายอื่น และข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP ของคอมพิวเตอร์ รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ (Browser) ข้อมูลบันทึกการเข้าออกเว็บไซต์ คุกกี้ (Cookies) ข้อมูลเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานเข้าถึงก่อนและหลัง (Referring Website) ข้อมูลบันทึกประวัติการใช้เว็บไซต์ ข้อมูลบันทึกการเข้าสู่ระบบ (Login Log) พฤติกรรมการใช้งาน (Customer Behavior) สถิติการเข้าเว็บไซต์ เวลาที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ (Access Time) ข้อมูลที่ท่านค้นหา การใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ในเว็บไซต์ และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกัน รวมถึงข้อมูลการเข้าพื้นที่ อาคาร และภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย |
ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลากร | ใบอนุญาตและประกาศนียบัตรต่าง ๆ ข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการและผลประโยชน์ต่าง ๆ ข้อมูลการปฏิบัติงานและข้อมูลทางวินัย ข้อมูลบุคคลที่สาม (ครอบครัว ผู้ค้ำประกัน บุคคลอ้างอิง บุคคลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน) ข้อมูลประกันสังคม ข้อมูลบัญชีธนาคาร |
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว | ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ (เช่น หมู่เลือด ประวัติสุขภาพ เป็นต้น) ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เป็นต้น) โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเฉพาะเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อกฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้ |
ข้อมูลอื่น ๆ | สถานะสมรส ความสนใจ ความเห็น ภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด ข้อมูลการเดินทาง การขอใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล |
4. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และฐานทางกฎหมาย
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากหลายช่องทาง ทั้งจากการที่ท่านให้ข้อมูลโดยตรง และจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ภายใต้ฐานทางกฎหมายที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
4.1 ประเภทบุคคลและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมาย
ประเภทบุคคล | แหล่งที่มาของข้อมูล | กิจกรรม/วัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และฐานทางกฎหมาย |
ลูกค้า |
|
ฐานสัญญา:
|
คู่ค้า/ผู้ให้บริการภายนอก |
|
ฐานสัญญา:
|
บุคลากรของบริษัทฯ |
|
ฐานทางสัญญา:
|
ผู้สมัครงาน |
|
ฐานทางสัญญา:
|
นักศึกษาฝึกงาน |
|
ฐานทางสัญญา:
|
บุคคลทั่วไป |
|
ฐานประโยชน์อันชอบธรรม:
|
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละประเภทบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ในตารางข้างต้นเท่านั้น และจะไม่ดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เว้นแต่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีฐานทางกฎหมายรองรับตามที่กฎหมายกำหนด
4.2 บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากหน่วยงานภายนอก หรือบุคคลที่สามที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้า และตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต เช่น การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกิจกรรมของบริษัทฯ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม โดยบริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และตามที่ระบุไว้ในประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ และจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกโดยปราศจากฐานทางกฎหมายที่ชัดเจนหรือการยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4.3 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน โดยบริษัทฯ จะจัดให้มีแบบฟอร์มขอความยินยอมแยกต่างหากจากข้อความอื่น เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถให้ความยินยอมหรือปฏิเสธได้อย่างอิสระและชัดแจ้ง
4.4 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 4.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) เช่น บริษัทฯ อาจไม่สามารถให้บริการ ดำเนินการชำระเงิน หรือมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน หรือปฏิเสธการให้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
5. การประมวลผล และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ และจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้เท่านั้น กล่าวคือ อยู่บนฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ตามที่ระบุไว้ในข้อ 3 ข้างต้น) ให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ หรือหน่วยงานราชการตามกฎหมาย ผู้ให้บริการสนับสนุนลูกค้าผู้ให้บริการจัดการด้านการตลาดและการโฆษณา ที่ปรึกษาทางธุรกิจ รวมถึงนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นใดที่บริษัทฯ และ/หรือท่านเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะกระทำเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ และภายใต้มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือเพื่อป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การฉ้อโกง และ บริษัทฯ อาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกกลุ่มบริษัทในกรณีที่มีการโอน กิจการ การซื้อขาย หรือการควบรวมกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัทฯ ทั้งนี้ โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะกระทำเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ และภายใต้มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดในกรณีที่บริษัทฯ ว่าจ้างผู้อื่นให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดให้มีการลงนามในข้อตกลงเพื่อควบคุมและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล หน่วยงานต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศที่มิได้มีมาตรฐานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ (Appropriate safeguards) ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จะทำให้มั่นใจว่า การโอนข้อมูลดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบภายในและภายนอกเพื่อการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ
6. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
- ลักษณะการเก็บ: ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บทั้งในรูปแบบเอกสาร (Hard copy) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Soft copy) โดยมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ รวมถึงการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลเฉพาะบุคลากรที่จำเป็นและอยู่ภายใต้ข้อผูกพันด้านความลับ และการเข้ารหัสข้อมูล (encryption) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัทฯ มีขั้นตอนการจัดการกับเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือข้อมูลรั่วไหล โดยหน่วยงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยจะดำเนินการตรวจสอบและตอบสนองอย่างทันท่วงที และบริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากการละเมิดนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- ระยะเวลาจัดเก็บ: บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือภายในระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายระหว่างท่านและบริษัทฯ หรือภายในระยะเวลาการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของคู่สัญญา (โดยทั่วไปบริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไม่เกิน 10 ปีนับจากวันที่ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ สิ้นสุด เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น) หรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกำหนดให้ต้องจัดเก็บไว้นานกว่านั้น
- เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือบริษัทฯ ไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่ไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูลได้อีกต่อไป ภายในระยะเวลาอันควร โดยจะจัดทำบันทึกการลบหรือทำลายข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบให้มั่นใจว่าการลบหรือทำลายข้อมูลดังกล่าวเสร็จสิ้นสมบูรณ์และไม่สามารถกู้คืนได้
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อบทบัญญัติหมวดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ (ภายใต้เงื่อนไข ข้อยกเว้น และกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงความจำเป็นในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ยื่นคำร้องตามสมควร)
7.1 สิทธิในการถอนความยินยอม (Right to withdraw consent)
- เมื่อท่านให้ความยินยอมกับบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะแล้ว ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
- ท่านสามารถถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตลอดเวลาที่ข้อมูลของท่านยังอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดตามที่กฎหมายกำหนดหรือสัญญาให้ประโยชน์แก่ท่าน
- หากการถอนความยินยอมของท่านทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถให้บริการบางอย่างให้แก่ท่านได้ บริษัทฯ จะแจ้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าว เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และบริษัทฯ อาจยังคงประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามฐานทางกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (Right to access)
- ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ และสามารถขอรับสำเนาข้อมูลดังกล่าวภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
7.3 สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability)
- ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเอง ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด โดยสิทธิดังกล่าวจะใช้ได้เฉพาะกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการประมวลผลข้อมูลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัทฯ
7.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object)
- ท่านสามารถคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณีตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลเพื่อการตลาดทางตรง (direct marketing) ได้ทุกเมื่อ
7.5 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to erasure)
- ท่านสามารถขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามเหตุผลที่กฎหมายบัญญัติ เช่น ข้อมูลหมดความจำเป็นในการประมวลผล หรือท่านถอนความยินยอม หรือมีการประมวลผลโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจไม่สามารถลบข้อมูลได้ทันทีหากยังมีฐานทางกฎหมายอื่นหรือเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายให้ต้องคงเก็บรักษาไว้
7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restriction of processing)
- ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี เช่น อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาการคัดค้านการประมวลผลหรือเมื่อการประมวลผลมิชอบแต่ท่านประสงค์ให้จำกัดการใช้แทนการลบข้อมูล
7.7 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to rectification)
- ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่สมบูรณ์ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง
- ในกรณีที่บริษัทฯ พิจารณาว่าการแก้ไขข้อมูลจำเป็นต้องยืนยันตัวตนของท่าน บริษัทฯ อาจร้องขอเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติมจากท่านตามสมควรและอาจบันทึกหลักฐานการดำเนินการไว้ตามความจำเป็น
7.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to make a complaint)
- ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อยื่นคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 1 หรือตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนด ทั้งนี้ ท่านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการใช้สิทธิของท่าน เว้นแต่ในกรณีที่คำร้องไม่มีมูล ซ้ำซาก หรือมีจำนวนมากเกินความจำเป็น บริษัทฯ อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามสมควร อนึ่ง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอที่ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขาดความสมเหตุสมผล ขัดต่อกฎหมาย หรือไม่สามารถดำเนินการได้จริงตามสภาพข้อเท็จจริงหรือข้อจำกัดทางเทคนิค นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอใด ๆ ตามเงื่อนไขและข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ยื่นคำร้องหรือทำความเข้าใจขอบเขตคำขอ ก่อนดำเนินการตามคำขอดังกล่าว
หากท่านมีข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ที่อีเมล [email protected]
บริษัทฯ อาจกำหนดขั้นตอน แบบคำขอ และเอกสารประกอบเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาและดำเนินการภายในระยะเวลาอันสมควรตามที่กฎหมายกำหนด และอาจปฏิเสธคำขอทั้งหมดหรือบางส่วนได้ หากคำขอดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือมีข้อจำกัดทางเทคนิคหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8. ในกรณีที่ท่านปฏิเสธไม่ให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามข้อกำหนดของกฎหมาย หรือเพื่อการเข้าทำและปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับท่าน หากท่านเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น บริษัทฯ อาจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าวได้ โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทฯ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามสัญญาหรือกฎหมาย (เช่น การยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้บริการ การออกและชำระค่าบริการ หรือการปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจ) ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญา ระงับ หรือยุติการให้บริการที่เกี่ยวข้องบางส่วนหรือทั้งหมดตามที่เหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต
อย่างไรก็ตาม หากท่านไม่ให้ความยินยอมในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์บางประการที่ไม่ใช่ข้อกำหนดตามกฎหมายหรือสัญญา ท่านอาจยังสามารถใช้บริการของบริษัทฯ ได้บางส่วน แต่บริษัทฯ อาจไม่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือปรับบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของท่านได้ และบริษัทฯ อาจยังคงเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลบางประเภทต่อไปได้ตามฐานทางกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (เช่น ฐานหน้าที่ตามกฎหมายหรือฐานประโยชน์อันชอบธรรม) โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของท่าน ทั้งนี้ การปฏิเสธให้ข้อมูลหรือการถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการประมวลผลที่ได้ชอบด้วยกฎหมายมาแล้วก่อนการปฏิเสธหรือถอนความยินยอม และบริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อความเสียหาย อันเกิดจากความไม่สามารถให้บริการหรือส่งมอบสิทธิประโยชน์ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ท่านมิได้ให้ข้อมูลที่จำเป็นดังกล่าวเท่าที่กฎหมายอนุญาต
9. นโยบายคุกกี้ (Cookies)
บริษัทฯ ใช้คุกกี้และ/หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกันบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่อจดจำรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการเข้าชมเว็บไซต์ และเพื่อปรับปรุงคุณภาพของบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น โดยคุกกี้ที่ไม่จำเป็นต่อการทำงานของเว็บไซต์ (เช่น คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์หรือการตลาด) จะถูกใช้งานเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านก่อนเท่านั้น และท่านสามารถเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวได้ตลอดเวลา ท่านสามารถจัดการการตั้งค่าคุกกี้ผ่านศูนย์การตั้งค่าคุกกี้ (Cookie Preferences Center) ที่แสดงบนแบนเนอร์คุกกี้ของเว็บไซต์ เพื่อเลือกเปิด/ปิดคุกกี้แต่ละประเภทได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ การปฏิเสธคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลให้บางฟังก์ชันของเว็บไซต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เว็บไซต์ของบริษัทฯ อาจมีการใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-party Cookies) เพื่อวิเคราะห์สถิติการใช้งานหรือแสดงเนื้อหาทางการตลาด โดยบุคคลที่สามดังกล่าวจะประมวลผลข้อมูลภายใต้ขอบเขตที่บริษัทฯ กำหนดและตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้ : https://www.trueidc.com/th/cookies-policy
10. การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิมที่สอดคล้อง เหมาะสม และไม่ขัดต่อกฎหมายที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ประสงค์ให้บริษัทฯ เก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งถอนความยินยอมผ่านช่องทางที่บริษัทฯ กำหนดและเผยแพร่ให้ทราบ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ใหม่ที่แตกต่างจากวัตถุประสงค์เดิม เว้นแต่จะได้รับความยินยอมใหม่จากท่านหรือมีฐานทางกฎหมายรองรับตามที่กฎหมายกำหนด และสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเฉพาะเมื่อมีฐานทางกฎหมายที่ชัดเจนหรือได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งเท่านั้น การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการประมวลผลที่ได้เกิดขึ้นก่อนการถอนดังกล่าว
11. ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้บังคับเฉพาะการให้บริการของบริษัทฯ และการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ เท่านั้น หากท่านเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นผ่านช่องทางของบริษัทฯ ท่านควรศึกษาและปฏิบัติตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์นั้น ซึ่งอาจแตกต่างจากประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ การอ้างอิง ลิงก์ หรือปลั๊กอินของบุคคลที่สามมิให้ถือเป็นการรับรองโดยบริษัทฯ และบริษัทฯ มิอาจรับผิดชอบต่อแนวปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัว เนื้อหา หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามดังกล่าว ทั้งนี้ การเข้าถึงและใช้บริการของบุคคลที่สามเป็นความรับผิดชอบของท่านเองภายใต้ข้อกำหนดและนโยบายของผู้ให้บริการนั้น ๆ
12. การเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะพิจารณาทบทวนประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติทางธุรกิจ กฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยอาจประกาศการเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิหรือวิธีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าหรือในขณะมีการเปลี่ยนแปลงผ่านช่องทางที่เหมาะสม และจะขอความยินยอมเพิ่มเติมจากท่านในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีความยินยอมดังกล่าว บริษัทฯ จะบันทึกเวอร์ชันและวันที่มีผลใช้บังคับของประกาศไว้เพื่อความโปร่งใส และจัดให้ท่านสามารถขอรับสำเนาฉบับก่อนหน้าได้ตามความเหมาะสม
13. การประมวลผลข้อมูลจากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)
เพื่อความปลอดภัยของชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน บริษัทฯ อาจมีการติดตั้งและประมวลผลข้อมูลภาพจากระบบ CCTV ภายในพื้นที่ของบริษัทฯ โดยจะดำเนินการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย การสืบสวนเหตุการณ์ผิดปกติ หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมไว้ในประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ CCTV แยกต่างหาก และให้ยึดตามประกาศดังกล่าวเป็นหลัก
14. ความแตกต่างของภาษา
ประกาศฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษมีเจตนารมณ์เดียวกัน ในกรณีที่ถ้อยคำแตกต่างกัน ให้ยึดถือตามฉบับภาษาไทยเป็นหลัก
15.ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
นอกจากรายละเอียดการติดต่อในข้อ 1 บริษัทฯ ขอให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer) ทางอีเมล [email protected] สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูล การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และคำถามด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตอบกลับภายในระยะเวลาอันสมควรตามที่กฎหมายกำหนด
16. กฎหมายที่ใช้บังคับและการตีความ
ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายไทย และให้ตีความตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ การอ้างถึงกฎหมายรวมถึงกฎหมายลำดับรอง ประกาศ คำสั่ง แนวปฏิบัติ และคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องตามที่มีผลใช้บังคับในขณะนั้น
ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ประกาศและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2568 (ฉบับที่ 4 )